จุดเริ่มต้นของ Netflix ที่เริ่มมีการสตรีมมิ่งให้บริการในบ้าน ทาง Netflix ได้มองเห็นว่าการที่ไปเช่าหนังหรือต้องหาซื้อแผ่นหนังทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ที่จะต้องเดินออกไปหาซื้อหรือเช่าหนังที่ชื่นชอบ และยังยืมหนังมาดูได้เพียงไม่มีวันหรืออาจจะไม่มีเวลาเข้าไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ ไม่มีเวลาดูซีรีย์หรือการ์ตูนต่างๆ Netflix จึงมองเห็นปัญหาเหล่านี้ จึงได้สร้างแอพพิเคชั่นรวมหนัง ภาพยนตร์ ซีรีส์ การ์ตูน หรือสารคดีต่างๆในทุกรูปแบบนำมาไว้ในสตรีมมิ่งที่เรียกว่า “Netflix”
เพราะอะไร? ทำไมNetflix ถึงประสบความเร็จได้อย่างรวดเร็ว?
3 เคล็ดลับที่ Netflix ให้ความสำคัญ เพื่อที่จำนำบริษัทไปประตูความสำเร็จ
-
การสร้างสรรพยากร (people)
Netflix มองเห็นบุคลากรที่รู้จุดแข็ง จุดอ่อนของตนเอง โดยสามารถ รู้ว่าพนักงานของตนเองจะดึงความแตกต่างของตนออกมาเพื่อสร้างสรรค์ ผลงานได้อย่างดีเยี่ยมและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา
-
เปิดรับไอเดียใหม่ๆ (Idea,Culture)
การการเปิดกว้างและรับฟังความคิดเห็น ไอเดียผลงานที่สร้างสรรค์ถือเป็นสิ่งที่ Netflix ให้ความสำคัญกับคนในองค์กร และยังมีการผลักดันให้ทุกฝ่ายยอมรับทุกการตัดสินใจ ทั้งเรื่องกลยุทธ์ เป้าหมายและการวัดผลรวมไปถึงการประเมินผล Netflix ยังมีความหยืดหยุนในการทำงาน อยากจะทำงานที่ไหนก็ได้ ทำเท่าที่บุคลากรสามารถทำงานได้ตามเป้า
-
ทุกคนสามารถเป็นผู้นำทางความคิดได้ (Leadership)
ผู้นำต้องยอมรับฟังความเห็น เพื่อให้คนในทีมได้ออกไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้แคปแค่ความคิดของตนเพราะไม่ว่าใครจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็สามารถสร้างผลงานออกมาได้ทั้งนั้น
สิ่งที่ทำให้ Netflix ขึ้นอับดับ 1 ในสตรีมมิ่ง เพราะ “คอนเท้น (Content)”
ความแตกต่างของ Netflix คงไม่ใช่แค่ดูหนังได้ที่บ้าน หาก Netflix ขาดคอนเท้น (Content) คงทำให้รู้สึกไม่มีอะไร พิเศษหรือน่าสนใจอีกเลย และความหลากหลายคอนเท้นที่มากมายของ Netflix ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์เนื้อหา เรื่องราวผ่านเรื่องราวของ หนัง สารคดี ซีรีส์ อีกมากมายหลายประเภทและข้อดีคือ ผู้ชมยังแสดงความคิดเห็นเรื่องราวผ่านบนโลกโซเชียลมีเดีย ถือว่ามุมมองความคิดของ Netflix เป็นมุมมองที่ดีในการสร้างไอเดียหรือการวางแผนธุรกิจ
Netflixไม่ได้มีดีแค่คอนเท้นที่สำคัญกลยุทธ์การทำการตลาดคือการทำโฆษณาบนโซเชียลมีเดียในแพรตฟอร์มต่างๆเช่น Facebook(Meta) และ Instagram ที่เป็นช่องทางในการโฆษณาเป็นสิ่งทำคัญที่ขาดไม่ได้ของ Netflix ทั้งยังมีกลุ่มเป้าหมาย (Target) ที่อยู่ในกลุ่มวัยรุ่น จะอยู่ในช่วงอายุ 21-37ปี ใช้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยทางNetflix ยังมีแคมเปญที่ชื่อว่า “จุดพักโหลดNetfilx” ชวนให้แวะมาโหลดซีรีส์เอาไว้ดูระหว่างเดินทาง เพื่อไม่ให้การเดินทางของเราหน้าเบื่ออีกต่อไป และมีป้ายบิลบอร์ด “ไม่ไปไหน ไป Netflix” รวมไปถึงแคมเปญอื่น ๆ ที่ใช้สื่อออฟไลน์ เช่น ติดภาพเพื่อโฆษณาตามสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT หรือรถเคลื่อนที่เพื่อโฆษณาตามในเมือง เป็นการโปรโมทหนังหรือซีรีส์
นอกจาก Content Marketing ที่ Netflix คิดแคมเปญให้ผู้ผลิตได้มีส่วนรวมก็ยังมี Netflix Original Content คือการผลิตซีรีส์เป็นของตัวเองที่จะไม่ฉายในโรงหนังหรือดูได้ในแพรตฟอร์มอื่นๆ Netflix Originals จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
คอนเทนต์ที่ได้จากการซื้อลิขสิทธิ์ (Licensed Content)
โดยทาง Netflix ได้จัดหาซื้อลิขสิทธิ์หนัง, ซีรีส์, รายการทีวี สารคดีต่างๆ มาไว้ในแพรตฟอร์มเพื่อให้ลูกค้าที่รับบริการได้เลือกดูและเข้าถึงได้มากที่สุด หรือรับฟังตามคำเรียกร้องที่ผู้บริโภคต้องการ
คอนเทนต์ที่ถูกผลิตขึ้นเองโดย (Produced Content)
Netflix ได้มีการสร้างทีมทำหนังขึ้นมาเพื่อผลิตคอนเทนต์อย่างจริงจัง เช่น The Stranger Things, The Crowd เป็นต้น ทั้งยังกระจายการสร้างภาพยนตร์ทั่วโลกทั้งเอเชีย เกาหลีใต้ รวมถึงไทยเองก็ยังมีส่วนรวมในการสร้างซีรีส์
วิธีการเอาชนะคู่แข่งของ Netflix โดยการใช้ Social Listening
-
สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
เป็นการรับฟังผู้บริโภคจากสื่อผ่านช่องทางออนไลน์ โดยNetflixพยายามตามกระแสและติดตามเทรนด์ให้อยู่เสมอเพื่อนำกระแสนั้นมาสร้างเป็นคอนเท้นหรือกิจกรรมใหห้ผู้ชมได้เข้ามามีส่วนรวมด้วย จะจัดการทำโพลหรือสตอรี่เพื่อให้ผู้ชมได้มีส่วนรวมและเป็นข้อดีที่ได้ฟังความเห็นจากส่วนนี้มาปรับปรับหรือรับฟังความต้องการของผู้บริโภค
-
การตลาดมีม
คอนเทนต์ที่Netflixนิยมใช้คือ “มีม” เป็นการใช้การตลาดแบบมีมได้อย่างสร้างสรรค์และยังสามารถสื่อสารอารมณ์ผ่านภาพได้อย่าง สมบทบาทเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี Netflix มองเห็น “มีม” ว่าได้มีความโด่งดังใน ทวิตเตอร์ (Twitter) ทำให้การตลาดมีมของ Netflix ประสบความสำเร็จ และไม่ได้มองเห็นแค่การโพสต์หรือแชร์เท่านั้น ยังต้องรับฟังความต้องของลูกค้าอีกด้วย นี้จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่Netfilxชนะใจคนดู
-
การตอบสนองความต้องการของผู้ชม
การเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคและกระแสของผู้บริโภค ที่กลัวการตกเทรนด์สิ่งที่ Netflix ทำคือการสร้าง Feature ที่โชว์ตั้งแต่ Top 10 ในช่วงนี้ หรือมีอะไรใหม่เข้ามาการนำเสนอเหล่านี้สร้างหลักการเพื่อทำให้คนดูทันกับอะไรที่เป็นกระแส Netflix ยังเก่ง ฉลาดคิดโดยการเอากระแสต่างๆมาเล่นและเข้าใจวัฒนธรรมเทรนด์ในออนไลน์ต่างๆดัทำให้คนสามารถเอาไปแชร์ต่อได้อย่างทันทีสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างดีด้วยการสามารถเข้าใจกลุ่มเป้าหมายแบบนี้แบรนด์สามารถสร้างและปรับตัวเองให้ทันต่อกระแสต่างๆ
การเติบโตที่รวดเร็วของ Netflix ยังได้ส่งผลต่อร้านเช่าแผ่นซีดีวิดิโอที่จะต้องปิดตัวลงอย่างน่าเศร้า เพราะปัจจุบันไลฟ์สไตร์การใช้ชีวิตที่ Netflix ได้สร้างขึ้นตอบโจทย์ การใช้ชีวิตของคนในยุคใหม่ได้มากกว่า ทั้งกลยุทธ์การตลาดและระบบหลังบ้านของ Netflix ทำงานได้ดีในปัจจุบันที่ได้ครองสตรีมมิ่งอันดับหนึ่งแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคู่แข่งหรือที่กำลังเข้ามามีบทบาทอย่างเช่น Disney+, Apple,Viuและอื่นๆที่พยายามจะเข้ามาแทรกแซงเป็นคู่แข่งที่ Netflix ต้องมีการพัฒนาContentและสร้างกระแสอยู่ตลอดเวลา
บทความอ้างอิงจาก
CARTOON TANAPORN./JANUARY 5, 2022./CASE STUDY : Netflix สตรีมมิ่งหนังรายใหญ่ของโลกกับกลยุทธ์ระบบหลังบ้านที่เดือดทะลุปรอท./https://thegrowthmaster.com/case-study/netflix
prakai./January 14, 2022./จากปัจจัยเล็กๆ ที่ทำให้ Netflix ประสบความสำเร็จ และขึ้นเป็น #No.1 แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง./https://www.marketingoops.com/exclusive/business-case/summary-less-known-secrets-to-netflixs-success/
Yoswimol./08/12/2021./เคล็ดลับกลยุทธ์ที่ Netflix เอาชนะคู่แข่ง./https://www.everydaymarketing.co/business/strategic-tips-that-netflix-beats-its-competitors/