Google Ads คืออะไร? สรุปสั้นๆใน 5 นาที

เชื่อว่าคนที่ทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ส่วนใหญ่น่าจะเคยได้ยินชื่อของ Google Ads มาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่รู้ว่า Google Ads คือ อะไร สำคัญยังไงกับธุรกิจ วันนี้ Aday Marketing  จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับ Google Ads มากขึ้น 

 

โฆษณา Google Ads คือ ?

Google Ads คือบริการจากเว็บไซต์ Google ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มประเภท Search Engine ที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถใช้เพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการ เมื่อผู้ใช้มีการค้นหาบางสิ่งบางอย่าง โฆษณาต่าง ๆ ก็จะปรากฏขึ้น ซึ่ง Google จะเริ่มคิดค่าบริการจากที่มีคนคลิกเข้ามาที่หน้าโฆษณานั้น ๆ หรือคลิกเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ของเรา ความแตกต่างระหว่างผลการค้นหาในรูปแบบของ Google Search Ad และผลการค้นหาแบบออร์แกนิคคือ ผลการค้นหาที่มีการจ่าย Ad จะอยู่ในการโฆษณาประเภท Pay Per Click (PPC) ซึ่งคอนเทนต์หรือเว็บไซต์เหล่านี้จะปรากฏทันที เมื่อมีผู้ค้นหาที่ใช้ Keyword ตรงตัวหรือใกล้เคียงกัน แต่ผลการค้นหาแบบออร์แกนิค คือคอนเทนต์หรือเว็บไซต์ที่ต้องใช้เวลาในการจัดลำดับ ไม่ได้จ่ายค่าโฆษณาเพื่อดันคอนเทนต์ให้อยู่ใน Rank อันดับสูง ๆ ตั้งแต่ต้น แต่ใช้วิธีการสร้างคอนเทนต์แบบธรรมชาติ มีคุณภาพ และมีการใช้เทคนิค SEO ซึ่ง Google จะใช้ระบบอัลกอริทึมวิเคราะห์เพื่อจัดลำดับเว็บไซต์ 

เรามาดูผลลัพธ์ทางการตลาด จากแบรนด์ที่ทำแคมเปญ PPC หรือ รายได้ที่ได้จากการโฆษณาบน Google Ads กันดีกว่า

  1. แบรนด์สามารถสร้าง Brand Awareness ได้เพิ่มขึ้น 80% 
  2. 46% ของแบรนด์ที่ทำ Google Ad จะกลายเป็นเว็บไซต์ติดท็อป 3 บนหน้าแรกของการค้นหา
  3. 46% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไม่ได้แยกเว็บไซต์ที่เป็นโฆษณากับเว็บไซต์ทั่วไปบนหน้าผลการค้นหา 
  4. 73% ของโฆษณาในรูปแบบวิดีโอบน Google จะถูกคลิกมากกว่าแบนเนอร์โฆษณาปกติ รายได้เฉลี่ยในการทำ Paid Ad คือ $3 ต่อการลงทุนทุก ๆ $1.6 พูดง่าย ๆ ก็คือคุณสามารถสร้างรายได้เกือบเท่าตัวจากต้นทุน

 

Google Ads เหมาะกับใคร

ตอบได้เลยว่าเหมาะกับธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง และอยากจะเห็นการเติบโตของ Traffic เข้าเว็บ อยากสร้าง Brand Awareness และอยากบรรลุวัตถุประสงค์ทางการอื่นๆ กับตัวเว็บไซต์ที่เราสร้างขึ้นมา

 

Google Ad มีลักษณะอย่างไรบ้าง? หนึ่งในวิธีการโฆษณาที่ผู้ประกอบการสามารถนำมาใช้คือ Google Display Network (GDN) ซึ่งเป็นโฆษณาเหล่านี้จะมีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับ Google และมีการลงโฆษณาจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้อย่างกว้างขวาง มากกว่าการทำ PPC จากการค้นหาบนหน้าเว็บโดยปัจจุบันเว็บไซต์เครือข่ายเหล่านี้มีมากกว่า 2 ล้านเว็บไซต์ นอกจากนี้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอาจจะเคยได้ยิน หรือเห็น Google Shopping กันมาบ้างบนหน้าผลการค้นหา ซึ่ง Google Shopping Ad ได้รับความนิยมจากนักช้อปออนไลน์เช่นเดียวกัน ลักษณะของ Shopping Ad บน Google จะมีรูปภาพที่หลากหลายจากแบรนด์ต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมาจากทางด้านล่างของช่องการค้นหาเพื่อให้ลูกค้าเลือกชมสินค้ากันแบบเต็มอิ่ม โดยรายละเอียดสินค้าจะถูกกำกับเอาไว้ที่ด้านล่างของรูป พร้อมราคา หรือโปรโมชันที่แบรนด์อยากนำเสนอ

 

สรุป 5 ข้อดีของการใช้เครื่องมือ Google Ad เพื่อช่วยในการโปรโมทสินค้า 

1 ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายค้นเจอเว็บไซต์ของเราง่ายขึ้น 

2 ช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในการโฆษณา 

3 ช่วยเลือกแพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสม 

4 ช่วยค้นหากลุ่มเป้าหมาย ใช้ Keyoword เพื่อให้ลูกค้าค้นหาเว็บไซต์เจอได้ง่ายขึ้น 

5 สามารถวัดผลได้ เพิ่มโอกาสในการขายและขยายธุรกิจให้เติบโต

 

ทีนี้ เราจะพาไปรู้จักกับรูปแบบโฆษณาต่างๆ ของ Google Ads ว่าจริงๆ 

แล้ว Google Ads คืออะไร มีอะไรบ้าง และมีจุดเด่นยังไง ลองทำความเข้าใจดูเลย

  1. Google Search Advertising หรือการโฆษณาบนเครือข่ายค้นหา คือ การทำโฆษณาให้ติดอันดับบนหน้าแสดงผลการค้นหาบน Search Engine (Search Engine Result Page) พูดง่าย ๆ คือการทำโฆษณาให้ติดอันดับบนเว็บไซต์ Google นั่นเอง โดยรูปแบบโฆษณาจะเป็นตัวอักษร องค์ประกอบหลัก ๆ จะมีหัวข้อใหญ่ (Headline) คำอธิบาย (Description) URL และส่วนขยายโฆษณา (Ad. Extension) 

จุดเด่นของการทำโฆษณา Google Search Advertising คือความสามารถในการเข้าถึงคนที่มีความสนใจสินค้าหรือบริการ หรือข้อมูลบางอย่างที่จะมาแก้ไขหรือตอบสนองความต้องการของตัวเอง จึงทำให้โฆษณา Google Ads (Google Adwords) – Search อาจมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ถ้าผู้ชมที่ค้นหาสามารถเจอสิ่งที่ตัวเองต้องการ

  1. Google Display Network (GDN) หรือการโฆษณาบนเครือข่ายดิสเพลย์ คือโฆษณาที่เป็นคล้ายเว็บแบนเนอร์ปรากฏอยู่บนพื้นที่ต่าง ๆ ในเว็บไซต์หรือแอปที่เป็นเครื่อข่ายของ รวมทั้งบนวีดีโอบน YouTube และเว็บไซต์ YouTube ด้วยความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่ที่หลากหลาย Google Display Network (GDN) จึงเหมาะสำหรับการสร้างแบรนด์ โปรโมทสินค้าและบริการให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งหากแบรนด์ สินค้า และบริการเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็อาจจะสร้างยอดขายได้มากขึ้น
  2. Google Shopping Ads คือการโฆษณาที่มีรายละเอียด ราคา ภาพ และผู้ขายสินค้า ปรากฏอยู่บน Search Engine เลย เพื่อให้ผู้ชมสามารถลิงค์ไปยังหน้าขายสินค้าเพื่อซื้อสินค้าได้ทันที ซึ่งโฆษณา Google Ads (Google Adwords) – Shopping เหมาะสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่เน้นให้คนซื้อสินค้าออนไลน์โดยเฉพาะ แต่การทำโฆษณา Google Ads (Google Adwords) – Shopping จำเป็นต้องเชื่อมโยงระบบ Google Ads (Google Adwords) กับเครื่องมือ Google Merchant Center ที่เราได้อัพโหลดข้อมูลต่าง ๆ ของสินค้าก่อน จึงจะสามารถทำโฆษณา Google Ads (Google Adwords) – Shopping ได้
  3. Universal Campaign (App) คือ โฆษณาที่เน้นให้ผู้ชมดาวน์โหลดแอปไปใช้ โดยโฆษณาจะมีรูปแบบเป็นทั้งโฆษณาแบบ Search, Display และ Video ปรากฏอยู่ใน Search Engine, Google Display Network, YouTube และ Google Play
  4. Youtube Ads อย่างที่เราทราบกันว่าปัจจุบัน Google เปิดตัว Youtube ประจำประเทศไทยอย่างเป็นทางการ [Youtube.co.th] ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ในแง่ของ user ก็สามารถเปิดดูวิดิโอได้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงหรือน่าตื่นเต้น แต่สำหรับนักการตลาดอย่างเราและผู้สร้าง Content จะมีความตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นพิเศษ ด้วยตัวเลขของคนไทยที่เข้าไปดูและใช้งาน Youtube มากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอเมริกา และปัจจุบัน Youtube ได้เป็น VDO Social Media Sharing ที่ใหญ่ที่สุด มีผู้เข้าชมมากกว่า 60 ล้านคนต่อเดือน ในปัจจุบันมีผู้สร้างสรรค์คลิปบน Channels ของตัวเองเพิ่มมากขึ้นและยังสามารถหารายได้จากโฆษณาได้อีกด้วย ส่วนข้อดีของนักการตลาดคือเราสามารถซื้อโฆษณาที่จะปรากฏในหน้าวิดิโอต่างๆบน Youtube ได้ง่ายมากขึ้น 

โดยเราสามารถเลือกรูปแบบพื้นที่โฆษณาบน Youtube ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบหลักๆ ดังนี้

1) In-Search Ads

เป็นโฆษณาที่ประกอบด้วยภาพขนาดย่อจากวิดีโอพร้อมกับข้อความบางส่วน 

เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมคลิกชมวีดีโอโฆษณานั้น โดยขนาดจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่แสดงผล 

โฆษณาแบบ In-Search Ads จะปรากฏในหน้าการค้นหาวีดีโอ (Search Results Page) 

และหน้าการชมวีดีโอที่เกี่ยวข้องใน Youtube รวมถึงหน้าโฮมของ Youtube สำหรับการแสดงผลบนโทรศัพท์มือถือ

มีการคิดค่าโฆษณาแบบตามจริง โดยระบบจะเรียกเก็บเงินก็ต่อเมื่อผู้ชมเลือกที่จะดูโฆษณา

ของคุณโดยการคลิกที่ภาพขนาดย่อเท่านั้น เหมาะสำหรับวัตถุประสงค์การพิจารณาผลิตภัณฑ์และแบรนด์

.

ควรใช้งานเมื่อ ใช้โฆษณา YouTube Ads รูปแบบ In-Search Ads เพื่อโปรโมตวิดีโอในตำแหน่งที่อยู่ถัดจากวิดีโอที่เกี่ยวข้อง เป็นส่วนหนึ่งของผลการค้นหาใน YouTube หรือในหน้าแรกของ YouTube บนมือถือ วิธีการทำงาน โฆษณา YouTube Ads ของคุณจะประกอบไปด้วยภาพหน้าปกของวิดีโอคุณกับข้อความบางส่วน แม้ว่าขนาดและลักษณะจริงของโฆษณา YouTube Ads อาจแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ปรากฏ แต่โฆษณาn-Search Ads  ก็เชิญชวนให้ผู้ชมคลิกเพื่อดูวิดีโออยู่เสมอ  ตำแหน่งโฆษณาที่ปรากฏ บนผลการค้นหาของ YouTube แสดงพร้อมกับวิดีโอ YouTube ที่เกี่ยวข้อง หน้าแรกของ YouTube ที่แสดงผลบนมือถือ การคำนวนค่าใช้จ่าย ระบบจะคิดค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อผู้ชมเลือกที่จะดูโฆษณาของคุณโดยการคลิกที่ภาพปกวิดีโอขนาดย่อของคุณเท่านั้น

 

2) In-Stream Ads 

วิดีโอโฆษณาแบบที่กดข้ามไม่ได้เช่นกัน แต่เป็นที่นิยมมากกว่าเนื่องจากมีความยาวที่สั้นมาก อยู่ที่ประมาณเพียง 6 วินาทีเท่านั้น จึงสร้างความรำคาญน้อยกว่าโฆษณาที่กดข้ามได้เสียอีก เพราะไม่ต้องไปกดข้ามด้วยซ้ำ เพียงทนฟัง 6 วินาทีก็จะได้รับชมวิดีโอแล้วนั่นเอง

 

3) โฆษณาแบบข้ามได้ (Skippable ads) และ โฆษณาแบบข้ามไม่ได้ (Non-skippable ads)

3.1) โฆษณา YouTube Ads รูปแบบ Skippable ads 

นั้นเป็นโฆษณา YouTube Ads ที่สามารถกดข้ามได้ โดยจะปรากฏในหน้าที่แสดงวิดีโอของ YouTube เว็บไซต์และธุรกิจที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google เช่น แอปพลิเคชั่น หรือเกม โดยลิงก์ในวิดีโอจะนำไปสู่เว็บไซต์ของผู้โฆษณา  เป้าหมายในการทำโฆษณา YouTube Ads แบบ TrueView In-Stream Ads เพิ่มโอกาสในการขาย การเข้าชมเว็บไซต์ การรับรู้แบรนด์และการเข้าถึง การพิจารณาผลิตภัณฑ์และแบรนด์ ควรใช้งานเมื่อ ใช้โฆษณา YouTube Ads รูปแบบ Skippable ads เมื่อคุณมีคอนเทนต์วิดีโอที่ต้องการโปรโมตก่อนวิดีโออื่น ๆ บน YouTube และเครือข่าย Display ต่าง ๆ เพราะโฆษณา YouTube Ads รูปแบบ TrueView In-Stream Ads นั้นมีการคิดค่าใช้จ่ายเมื่อผู้ชมดูโฆษณาไปจนถึง 30 วินาที แต่ผู้ชมสามารถกดข้ามได้ตั้งแต่ 5 วินาทีแรกทำให้เราสามารถคัดกรองลูกค้าที่มีแนวโน้มสนใจได้อย่างชัดเจน 

 

วิธีการทำงาน โฆษณาของคุณจะเล่นก่อนวิดิโอ ระหว่างวิดิโอ หรือหลังจากวิดีโอทั่วไป ผู้ชมจะสามารถเลือกกดข้ามโฆษณาได้หลังจาก โฆษณาเล่นไป 5 วินาที ตำแหน่งโฆษณาที่ปรากฏ หน้าสำหรับดู YouTube วิดีโอในเว็บไซต์ของพาร์ทเนอร์ แอปพลิเคชั่นในเครือข่าย Display ต่าง ๆ การคำนวนค่าใช้จ่าย CPV (Cost Per View) หมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณาต่อการชมวิดีโอ 1 ครั้ง เมื่อผู้ชมชมวิดีโอครบตามเวลาที่กำหนดคือ 30 วินาที (หรือช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าวิดีโอสั้นกว่า 30 วินาที)  หรือโต้ตอบกับวิดีโอของคุณ ขึ้นอยู่กับว่ากรณีใดเกิดขึ้นก่อน CPM (Cost Per Thousand Impression) หมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณา ต่อเมื่อมีการแสดงผลโฆษณาครบ 1,000 ครั้ง โดยไม่สนใจว่าจะมีการคลิกโฆษณากี่ครั้ง

 

3.2) โฆษณาแบบข้ามไม่ได้ (Non-skippable ads)

โฆษณาในสตรีมแบบกดข้ามไม่ได้ ยาว 15 วินาที (หรือสั้นกว่า) โดยจะปรากฏก่อน ระหว่าง หรือหลังจากวิดีโออื่น ๆ โดยโฆษณาสามารถแสดงบนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และ Display Network ต่าง ๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์ของ Google ได้

มีการคิดค่าโฆษณาแบบ CPM (Cost Per Thousand Impression) ตามการแสดงผลโฆษณา 1,000 ครั้ง เหมาะสำหรับการสื่อสารที่ต้องการให้ผู้ชมเห็นข้อความทั้งหมดโดยไม่กดข้ามวิดีโอของคุณ ในวัตถุประสงค์การรับรู้และการเข้าถึงแบรนด์

เป้าหมายในการทำโฆษณาแบบ Non-Skippable Video Ads การรับรู้แบรนด์และการเข้าถึง ควรใช้เมื่อใด ใช้รูปแบบนี้เมื่อคุณต้องการให้ผู้ชมได้เห็นข้อความทั้งหมด ที่แบรนด์ต้องการจะสื่อสารออกไป การเปิดตัวสินค้าใหม่ หรือการจัดโปรโมชั่น วิธีการทำงาน โฆษณา YouTube Ads ในสตรีมแบบข้ามไม่ได้มีความยาวไม่เกิน 15 วินาที และเล่นก่อนวิดิโอ ระหว่างวิดิโอ หรือหลังจากวิดีโออื่น โดยผู้ชมจะข้ามโฆษณานี้ไม่ได้ ตำแหน่งโฆษณาที่ปรากฏ ในวิดีโอ YouTube เว็บไซต์ของพาร์ทเนอร์ แอปพลิเคชั่นในเครือข่าย Display ของ Google การคำนวนค่าใช้จ่าย คุณจะจ่ายเงินตามการแสดงผล โฆษณาแบบ Non-Skippable Video Ads คำนวนค่าใช้จ่ายแบบ CPM (Cost Per Thousand Impression) หมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณา ต่อเมื่อมีการแสดงโฆษณาครบ 1,000 ครั้ง

 

  1. Overlay in-video ads

โฆษณาตัวนี้ก็คล้ายๆ กับตัว Banner รูปแบบแรกที่แสดงภาพหรือข้อความเท่านั้น แต่เป็นการแสดงซ้อนบนตัววีดีโอไปอีกที จะเห็นเมื่อเล่นวิดีโอไปถึงส่วนที่ตั้งค่าให้ใส่ Ads ตัวนี้ไว้

  1. TrueView in-display ads

วีดีโอจะไปปรากฎอยู่ข้างๆ หรือข้างล่างของตัววีดีโอหลัก ซึ่งตรงนี้เราสามารถเลือกแสดงโฆษณากับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการให้เห็นตัวโฆษณานี้ได้ (เช่นจากคีย์เวิร์ดค้นหา เป็นต้น) นอกจากนี้แล้ว โฆษณาดังกล่าวจะคิดเงินกับคนลงโฆษณาต่อเมื่อมีการคลิกเข้าไปดูวีดีโอเท่านั้น

ทำไมต้อง Youtube

อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วว่า Youtube เนี่ยเป็นที่นิยมอยากมากในทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเบื่อเหงาเศร้าซึมขนาดไหน แค่เปิด Youtube ขึ้นมาเราก็แฮปปี้ขึ้นมาได้ในทันใดแล้วนั่นเอง ได้เลือกดูในส่ิงที่เราสนใจ ทำให้ใครๆ ก็ใช้งาน Youtube ยิ่งในไทยยิ่งมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมากเชียวหล่ะ

 

ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จในการทำ Youtube Ads

1 : ทำโฆษณาให้มีความน่าสนใจเสมอ  

โฆษณาบน YouTube ต้องทำให้ดูน่าสนใจ โดยเฉพาะการใช้ Skippable Video Ads หรือ โฆษณาที่ลูกค้าสามารถกดข้ามได้หลังจากผ่านไปแล้ว 5 วินาที 

2 : รู้ว่าผู้ชมของเราคือใคร  

การสร้างสรรค์โฆษณาขึ้นมาสักหนึ่งตัว นอกจากการรู้ว่าจะเล่าอะไรแล้ว เรายังจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าผู้ชมของเราคือใคร รวมทั้งจุดประสงค์ในการเข้าใช้ YouTube ของผู้ชมคนนั้น ๆ เพราะการเข้า YouTube ของแต่ละคนมีจุดประสงค์ที่หลากหลาย บ้างก็มีความต้องการที่จะผ่อนคลาย บ้างต้องการที่จะหาความรู้ การที่เราทำโฆษณาออกมาได้ตรงกับความต้องการให้ผู้ชมดูจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ 

3 : อย่าใช้โฆษณาแค่รูปแบบเดียว 

เพราะ YouTube Ads มีรูปแบบการโฆษณาที่หลากหลาย การเลือกใช้เพียงรูปแบบเดียวอาจทำให้เราพลาดโอกาสที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ โดยการใช้รูปแบบ YouTube Ads ร่วมกันจะช่วยเพิ่มโอกาสปิดการขายให้มันเพิ่มขึ้นไปอีก 

4 : ทำการศึกษาการใช้ Keyword 

YouTube Ads ก็เหมือนกับการโฆษณาออนไลน์ทั่วไป ที่การเลือกใช้ Keyword มีผลอย่างมากในการโฆษณา ดังนั้นเราจึงควรจำให้ขึ้นใจ ว่าก่อนที่จะเริ่มการโฆษณาใด ๆ เราควรจะศึกษา Keyword ที่จะใช้ให้ดีเสียก่อน โดยการหมั่นศึกษาเกี่ยวกับการเลือกใช้ Keyword จะช่วยให้เรารู้ว่าลูกค้ากำลังต้องการอะไร ซึ่งจะช่วยเป็นไกด์ให้เราสร้างสรรค์โฆษณามาตอบสนองความต้องการได้อย่างดี

5 : หมั่นทำการทดลองใหม่ ๆ อยู่เสมอ

การตลาดออนไลน์ เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ ซึ่งต่อให้แผนที่เราใช้ในปัจจุบันจะดีสักแค่ไหน แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าในอนาคตอาจมีแผนอื่นที่ดีกว่า การหมั่นทำการทดลองเพื่อค้นหาว่าแคมเปญ YouTube Ads แบบไหน ที่เหมาะจะนำมาใช้กับธุรกิจของเราจึงจำเป็น เพื่อไม่ให้สูญเสียโอกาสที่จะเพิ่มยอดขาย หรือ พัฒนาการทำการตลาดให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

6 : ระบุแบรนด์ให้ไว แต่ต้องทำให้ดี 

หรับการโฆษณารูปแบบ Skippable Video Ads ที่ผู้ใช้สามารถกดข้ามได้ ถ้าหากเราทำได้ไม่น่าสนใจ ก็มีสิ่งหนึ่งที่พอจะทดแทนได้นั่นคือ การเผยตัวแบรนด์ออกมาภายใน 5 วินาที ซึ่งทาง YouTube ก็ได้มีสถิติยืนยันจริง ๆ ว่าการโฆษณาที่มีเป้าหมายในการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Awareness) ส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพสูงสุดได้ถ้ามีการระบุแบรนด์ตั้งแต่ 5 วินาทีแรก

7 : บอกผู้ชมทุกครั้ง ว่าหลังจากนั้นต้องทำอะไร

มันคงจะดีถ้าลูกค้าเห็นโฆษณาของเราแล้วจำได้ว่าแบรนด์คืออะไร แต่มันจะดีขึ้นไปอีกไหม ถ้าเรามีการไกด์ให้ลูกค้าทำตามที่เราต้องการ ซึ่งสิ่งแรกที่เราจำเป็นจะต้องทำก็คือการรู้ว่าเป้าหมายของโฆษณาครั้งนี้คืออะไร คือการรับรู้แบรนด์ใช่ไหม หรือ ถ้าเกิดเป้าหมายของเราคือ ยอดขาย, ข้อมูลลูกค้า และ เพิ่มจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ สิ่งที่เราสามารถทำได้นั่นก็คือการเพิ่ม Call to Action เข้าไปนั่นเอง

 

อยากทำการตลาดง่ายๆ ให้ Google Ads Aday Marketing สามารถช่วยคุณได้

จุดเริ่มต้นก้าวสำคัญของคุณ…ให้เราดูแลที่ Aday Markerting

.

https://www.www.adaymarketing.com/

.

#Adaymarketing #DigitalMarketingAgency

Share

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *