ค่าโฆษณา Facebook ยิ่งอยู่ยิ่งแพงจะแก้ยังไงดี ? ช่วงนี้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายๆ คนเริ่มบ่นกันเยอะขึ้นว่าค่าโฆษณาบน Facebook นั้นแพงขึ้นจากเดิมมากจนหลายคนท้อใจเลิกยิงโฆษณาไปก็มี ยุคเศรษฐกิจแบบนี้อะไรๆ ก็แพงไปหมด ยิงไปกว่านั้นค่าโฆษณาแพงทั้งที ยอดขายกลับลงฮวบลงซะได้ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้ ADAY Marketing จะมาช่วยไขปัญหาคาใจพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายๆคนให้กระจ่าง พร้อมวิธีทำยังไงให้โฆษณา Facebook ถูกลง ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แต่ยังคงได้ยอดขายที่เพิ่มขึ้น พร้อมแล้วก็ไปหาคำตอบพร้อมกันเลยค่ะ
ทำไมค่าโฆษณา Facebook ถึงแพงขึ้น ?
ก่อนจะไปรู้วิธีแก้ปัญหาเราก็ควรรู้ถึงสาเหตุของปัญหาก่อนใช่มั้ยหล่ะคะ สาเหตุที่ค่าโฆษณานั้นแพงขึ้นจนน่าตกใจก็เพราะว่าแพลตฟอร์ม Facebook มีคนเข้ามาลงโฆษณากันเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก ตั้งแต่ธุรกิจ SMEs ไปจนถึงธุรกิจชั้นนำของโลกก็หันมาให้ความสำคัญกับการลงโฆษณาออนไลน์กันมากขึ้น เพราะการทำการตลาดออนไลน์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายเฉพาะเจาะจงและแม่นยำมากขึ้น ทั้งยังคุมงบประมาณและวัดผลลัพธ์ออกมาเป็นตัวเลขได้ชัดเจนอีกด้วย
อีกเหตุผลที่ค่าโฆษณานั้นแพงขึ้นก็เป็นเพราะว่าการลงโฆษณาออนไลน์ต้องมีการแข่งขัน เช่น ถ้าคุณต้องการโฆษณาสินค้าจะต้องมีการระบุงบประมาณ ระยะเวลาที่โฆษณาดำเนินการ และมีการกำหนดขนาดของกลุ่มเป้าหมายด้วย ซึ่งเมื่อระบบมีการรู้ว่าคุณกำหนดค่าต่างๆ ไว้เท่าไหร่แน่นอนว่าต้องมีคนลงโฆษณาในกลุ่มเป้าหมายเดียวกันแต่มีงบประมาณที่มากกว่า ซึ่งระบบจะแสดงโฆษณาของคนอื่นแทนที่จะเป็นของคุณ ดังนั้นเมื่อมีผู้ร่วมประมูลมากขึ้นเรื่อยๆ การแข่งขันก็จะยิ่งดุเดือดมากขึ้นไปอีก
แล้วเราจะแก้ไขยังไงดี ? ให้โฆษณา Facebook ถูกลง
หลังจากที่รู้สาเหตุกันไปแล้ว ADAY Marketing ก็จะมีบอกเทคนิคดีๆ สำหรับการทำให้ค่าโฆษณานั้นถูกลงกันค่ะ
- Content
ก่อนจะไปปรับอย่างอื่นสิ่งแรกที่เราควรคำนึงถึงคือ Content ที่คุณใช้ในการโฆษณา เคยได้ยินมั้ยคะว่า “Content is King” นั่นก็เพราะว่า Content คือสิ่งที่จะเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด ถ้า Content ไม่ดีก็จะยากในการที่จะสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่เราวางไว้ ต่อให้ระบบนำส่งโฆษณาไปยังคนเป็นหมื่น เป็นแสนคน ก็เท่ากับว่าศูนย์เปล่าเพราะไม่มีประสิทธิภาพนั่นเอง
- ภาพที่ใช้ลงโฆษณา
สิ่งสำคัญไม่แพ้ Content ก็คือรูปภาพ ที่จะต้องสะดุดตาสะดุดใจ หยุดในกลุ่มเป้าหมายเลือกอ่าน Content ของเรา นอกจากจะต้องดูดีแล้ว ในทางเทคนิคก็ควรที่จะเป็นไปตามที่ Facebook กำหนดด้วยเพื่อที่จะช่วยให้โฆษณามีการนำส่งที่ดีขึ้น
โดยห้ามมีตัวหนังสือเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ภาพ หากมีตัวหนังสือเกินจากที่ Facebook กำหนดไว้ Facebook จะส่งโฆษณาของเราออกไปยังกลุ่มเป้าหมายน้อยลง ซึ่งหมายความว่าค่าโฆษณาของเราก็จะยิ่งแพงขึ้น ดังนั้นก็ลงโฆษณาอย่าลืมเช็คภาพกันด้วยนะคะ
- ปรับงบโฆษณาให้เหมาะสม
เราจะต้องเลือกใช้งบประมาณให้เหมาะสมกับแคมเปญของเรา ซึ่ง Facebook ก็มีเครื่องมือที่เรียกว่า Campaign Budget optimisation (CBO) โดยเจ้าตัวนี้จะมีปุ่มเปิดปิด จากเดิมเมื่อก่อนเราจะต้องกำหนดโฆษณาให้กับแต่ละ Ads Set แต่เมื่อใช้ Campaign Budget optimisation (CBO) Facebook ก็จะช่วยเราจัดสรรงบโฆษณาแทนเรา ทำให้ต้นทุนต่อผลลัพธ์ของเราต่ำที่สุด โดยหาก Facebook พบว่าชุดโฆษณาตัวไหนดี กลุ่มเป้าหมายกลุ่มไหนดี Facebook ก็จะใช้งบโฆษณากับตัวนั้นมากที่สุด ดังนั้นเราจำเป็นต้องสร้างชุดโฆษณาหลายๆ ชุดหรือหลายๆ กลุ่มเป้าหมาย เพื่อช่วยให้ Facebook สามารถมีตัวเลือกในการลงโฆษณาให้กับเรา
- เพิ่มช่องทางเข้าถึงลูกค้าทางอื่นๆ
แน่นอนว่าแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่ได้มีแค่ Facebook กลุ่มลูกค้าของเราอยู่ที่ไหน เราก็จะต้องตามไปให้ทัน แพลตฟอร์มใหม่ๆ มาแรงที่น่าลอง อย่าง TIKTOK ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะยังไม่ค่อยมีคนใช้ลงโฆษณา ราคาโฆษณาก็จะถูกลงไปด้วย
- ใช้การเสิร์ชบน Google ให้เป็นประโยชน์
เมื่อลูกค้าสนใจอย่ารอให้เขาสงสัยนาน แน่นอนว่าเมื่อลูกค้าอยากรู้จักเรามากขึ้นก็จะเริ่มไปเสิร์ชค้นหาบน Google ดังนั้นการทำให้เราติดเสิร์ชลูกค้าก็จะรู้จักเรามากขึ้นและยังเพิ่มความน่าเชื่อถือได้อีกด้วย
- มีเว็บไซต์หรือเซลล์เพจเป็นของตัวเอง
เรียกว่าได้ว่าเป็นแหล่งเก็บ Big Data ข้อมูลลูกค้า ได้ดีมากเลยทีเดียว หากไม่มีเว็บไซต์ ก็แค่ใช้ Sale page หรือเว็บไซต์หน้าเดียวที่ออกแบบมาเพื่อการขายโดยเฉพาะ สามารถเพิ่มรูป ข้อมูล วีดีโอ ได้ง่ายมากๆ บางครั้งเซลล์เพจยังช่วยปิดการขายให้เราได้อีกด้วย เพียงแค่ต้องออกแบบหน้าระบบให้ดีเท่านั้นเอง
💡 แต่ไม่ว่าจะแบบการตลาดแบบไหน ADAY Marketing ก็สามารถช่วยคุณได้ จุดเริ่มต้นก้าวสำคัญของคุณ…ให้เราดูแลที่ ADAY Marketing ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.www.adaymarketing.com