20 Keyword Digital Marketing ที่ทุกคนควรรู้

วันนี้ อะเดย์ มาเกตติ้ง จะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับ 20 Keyword 

Digital Marketing ที่ทุกคนต้องรู้ ว่ามีอะไรกันบ้าง? ไปดูกันเลยย!!

  1.   ROAS (Return On Ads spent)

เป็นหนึ่งในวิธีการประเมินว่าเมื่อใช้จ่ายเงินไปแล้ว ได้ผลตอบแทนกลับมาคุ้มค่าหรือไม่ เมื่อค่า ROAS สูงหมายถึง ใช้เงินลงทุนน้อย แต่ได้รับผลตอบแทนมาก ช่วยวัดผลประสิทธิภาพของแคมเปญ โปรโมชัน กิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ

  1.   CPC (Cost Per Click)

อัตราค่าใช้จ่ายในการโฆษณาต่อการคลิก 1 ครั้ง โดยผู้ซื้อโฆษณาจะต้องจ่ายเงินเมื่อมีผู้คลิกบนพื้นที่แสดงผลโฆษณา จุดที่แสดงโฆษณาแล้วมีผู้มองเห็นมาก จะมีราคาสูงกว่าจุดอื่นๆ

  1.   CTR (Click Through Rate)

เปอร์เซ็นต์ของการคลิกต่อจำนวนการมองเห็นโฆษณา เป็นการวัดผลอย่างหนึ่งของพื้นที่โฆษณา ว่าเมื่อมีผู้มองเห็นโฆษณาแล้วคลิกเพื่อเข้าถึงรายละเอียดมีมากน้อยเพียงใด

เมื่อค่า CTR สูง แสดงว่าโฆษณาน่าดึงดูดใจ มีส่วนช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ประเมินการคิดค่า CPC ได้

  1.   CPI (Cost-Per-Impression)

ค่าใช้จ่ายต่อจำนวนครั้งที่มีการมองเห็นโฆษณา หลายแคมเปญใช้พื้นที่สื่อหลากหลายช่องทาง มักแสดงผลในรูปแบบของ Cost per 1,000 Impressions เป็นอัตราราคาที่ผู้ซื้อโฆษณาตกลงที่จะจ่ายเงินต่อการมองเห็นโฆษณาทุก 1,000 ครั้ง ไม่ว่าจะคลิกดูโฆษณาหรือไม่ก็ตาม เป็นหนึ่งในวิธีการประเมินผล ROAS ของการทำแคมเปญโฆษณาออนไลน์

  1.   CPV (Cost Per View)

การคิดค่าโฆษณาต่อการชมวิดีโอ 1 ครั้ง ส่วนมากแล้วจะใช้กับวิดีโอ เช่น Youtube, Facebook Video จะคิดเงินเมื่อผู้ใช้ดูวิดีโอจนครบเวลาที่ Platform เหล่านั้นกำหนด เช่น Youtube จะกำหนดที่ 30 วินาทีถึงคิดเงิน

  1.   CPL (Cost per lead) 

จำนวนเงินที่เราใช้ไป เพื่อให้ได้ 1 Lead กลับมา เป็นการคำนวณราคาโดยเฉลี่ยต่อ Lead หาก CPL สูงเกินไป อาจทำให้คุณมีต้นทุนมากขึ้น และได้กำไรน้อยลง แต่ถ้าคุณมีมืออาชีพ คอยดูแล คุณก็จะสามารถบริหารต้นทุนในการโฆษณาได้ดีขึ้น 

  1.   KPI (Key performance indicator) 

ดัชนีชี้วัดผลงานสำหรับการตลาดดิจิทัล การวัดผลอย่างเป็นระบบนั้นสำคัญมาก เพราะต้องอาศัยข้อมูลพฤติกรรม ความคิดเห็นจากผู้ใช้ ข้อมูลรายได้จากการขาย ประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน เพื่อนำมาใช้เปรียบเทียบ วิเคราะห์หาจุดบกพร่องเพื่อพัฒนากลยุทธ์ต่อไป

  1.   Reach 

ตัวที่ใช้วัดจำนวนคนที่พบเห็น Content ของเรา เป็นการเข้าถึง Content และโพสต์ของเพจ จากผู้รับชมหรือแฟนเพจ

  1.   Impression 

จำนวนครั้งที่โพสต์ของเราถูกแสดงผล โดยไม่สนใจเลยว่าจะมี engagement เกิดขึ้น และ impression นั้นก็ยังนับรวมการเห็นโพสต์นั้นซ้ำๆ ได้อีกด้วย

  1. Lead

ลูกค้าเป้าหมายที่แสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการ ยกตัวอย่างเช่น ในอดีต หากคุณอยากรู้ว่า Lead ของธุรกิจคุณคือใคร วิธีที่มักจะใช้ก็คือการแจกใบปลิว หากใครรับใบปลิวก็อาจแปลได้ว่า คน ๆ นั้นมีโอกาสจะเป็น Lead ของคุณ 

  1. Engagement

การที่ผู้คนบนโลกออนไลน์ ให้ความสนใจในโพสต์ของคุณ และมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น การกดไลค์ คอมเม้น แชร์ กดไปดูเพจ ผ่านช่องทาง Social media ของคุณ

  1. Conversion 

การกระทำที่เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มเป้าหมายมีปฏิสัมพันธ์กับโฆษณา อาจเป็นได้ทั้งการจ่ายเงินซื้อสินค้าหรือบริการ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน การยินยอมให้ข้อมูล การโทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ตามวัตถุประสงค์ที่เราตั้งใจไว้

  1. CTA (Call-to-Action)

การกระตุ้นให้ลงมือทำ เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการทำการตลาดดิจิทัล ต้องอาศัยความแม่นยำในการสื่อสาร และการออกแบบที่ทำให้ผู้ใช้งานสนใจ เกิดความต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์บางอย่าง เช่นกดซื้อสินค้า หรือทดลองใช้บริการตามจุดประสงค์ที่นักการตลาดดิจิทัลวางไว้

  1. Traffic

จำนวนผู้บนโลกออนไลน์ ที่ได้เข้ามาดูโพสต์หรือเว็บไซส์ แบรนด์ของคุณ ก็เหมือนลูกค้าที่เดินเข้าร้านค้าของคุณในโลกความจริงนั่นแหละ

  1. Awareness

แปลตรงตัวเลยคือการรับรู้ เป็นการสร้างการรับรู้ให้กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ รู้จักแบรนด์ของคุณ โดยทำให้คนเห็นแบรนด์คุณจนคุ้นหูคุ้นตา ผ่านการโฆษณาตาม Website, Facebook, Instagram       

  1. SEO (Search Engine Optimization)

การทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้นๆ ในหน้า Search Engine ด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ ทำได้ฟรี แต่ต้องใช้เวลานาน

  1. SEM (Search Engine Marketing)

หลักการเดียวกันกับ SEO เพียงแต่ว่า SEM จะต้องใช้เงินลงโฆษณาให้กับ Google

  1. Relevance Score

เป็นระบบคะแนนของโฆษณา Facebook ที่จะคอยบอกว่าโฆษณาของเรามีความน่าสนใจขนาดไหน โดยคะแนนจะมีตั้งแต่
0 – 10 หากยิ่งมีคะแนนเยอะ แสดงว่า Content ของเรายิ่งน่าสนใจ

  1. Organic 

การทำ content ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายโดยตรง เมื่อนำไปเผยแพร่ผ่าน Platform Social Mediaต่าง ๆ และผู้ที่เห็น content เกิดความสนใจและอยากมีส่วนร่วมกับ content นั้น ๆ จนทำให้เกิดการแชร์ต่อกันไปเป็นทอด ๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเสียค่าพื้นที่ในการลงโฆษณา

  1. Paid 

การจ่ายเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณา ให้ระบบนำส่งตัว content ที่เราซื้อโฆษณาส่งต่อไปยังกลุ่มเป้าหมายได้เห็น ตามวัตถุประสงค์และจำนวนเงินที่เราตั้งงบประมาณเอาไว้ ทำให้แคมเปญของเราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงยังช่วยขยายขอบเขตการมองเห็นให้กว้างขึ้นกว่าแบบ Organic อีกด้วย

 

ถ้าไม่อยากพลาดเนื้อหาดีๆ เกี่ยวกับ Digital Marketing อย่าลืมติดตาม adaymarketing กันด้วยนะครับ

Credit: https://marketinginsecret.com/collect-vocabulary-facebook/, https://www.neobycmmu.com/post/digital-marketing-vocab

https://packhai.com/impression-meaning/, https://developers.ascendcorp.com/รู้ไว้ใช่ว่า-ศัพท์การตลาดดิจิทัล-dc30f3d313f5

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Share

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *